‘ไบเออร์’ พลิกมิตินำวิถีเกษตรกรรมคาร์บอนต่ำ ยกระดับแปลงปลูกลดต้นทุนการผลิต

ภาคเกษตรเร่งปรับตัวเพื่อความยั่งยืน พร้อมสร้างการเติบโตในยุคความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศไบเออร์ดึงไอเดียดัดแปลงถาดหลุมเพาะกล้าเป็นวัสดุใหม่ ลดขยะลดโรคพืช ขยายสู่แปลงปลูกเมล็ดพันธุ์ของเกษตรกรเครือข่าย พร้อมส่งเสริมปลูกพืชแบบ “High Land” รับมือวิกฤติน้ำท่วมในอนาคต

แนวคิดการเกษตรแบบคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Agriculture) กำลังถูกนำไปใช้อย่างเป็นรูปธรรมในวงการเกษตร เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน ลดผลกระทบต่อดิน น้ำ และระบบนิเวศ โดยมีหลายแนวคิดปลูกพืชคาร์บอนต่ำที่กำลังเป็นที่สนใจ หนึ่งในนั้นคือ “การชุบชีวิตถาดหลุมพลาสติกเพาะกล้าด้วยการนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อลดขยะพลาสติกและป้องกันโรคพืชไปพร้อมกัน

โครงการนี้เกิดจากไอเดียของทีมเพาะกล้าและทีมงานการผลิตในแปลงปลูก บริษัท ไบเออร์ไทย จำกัด ที่มีภารกิจส่งเสริมประสิทธิภาพการเพาะปลูกให้เกษตรกร ซึ่งการลงแปลงอย่างสม่ำเสมอทำให้พบว่ามีถาดหลุมพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้งเป็นขยะมากกว่า 100,000 ถาดต่อปี นอกจากเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมแล้วยังเป็นการใช้ทรัพยากรอย่างสูญเปล่า และเป็นต้นทุนของเกษตรกร

นำมาสู่การดัดแปลงถาดหลุมเป็นบัฟเฟอร์ (buffer) หรือฐานรองระหว่างถุงวัสดุและพื้นดิน โดยนำมาทดสอบการใช้งานแล้วในแปลงปลูกพืชในวงศ์แตง (Cucurbit) และพืชในวงศ์พริก และมะเขือ (Solanum) ของเกษตรกรในเครือข่ายพื้นที่การผลิตเขตขอนแก่นและสกลนคร พบว่า การนำถาดหลุมเพาะกล้าใช้แล้วมาเป็นบัฟเฟอร์รองต้นพืชช่วยลดความเสี่ยงของถุงวัสดุที่อาจเกิดความเสียหาย เช่น เปื่อยขาด หรือแตก จากการแช่น้ำท่วมขังที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคในพืช ไม่ว่าจะเป็นโรคจากเชื้อรา หรือแบคทีเรียในดิน

ที่สำคัญลดต้นทุนให้เกษตรกร การนำถาดหลุมพลาสติกที่ใช้แล้วกลับมาใช้อีก ช่วยให้สามารถใช้ซ้ำได้ถึง 2-3 รอบการเก็บเกี่ยว โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อใหม่ ที่สำคัญช่วยลดปริมาณการทิ้งขยะในพื้นที่ฝังกลบลงมากกว่า 90 ตันต่อปี

โดยระหว่างปี 2566-2567 ทีมงานเพาะกล้าได้มอบถาดหลุมเพาะกล้าจำนวน 166,000 แผ่น ให้กับทีมการผลิตในแปลงปลูก สามารถนำไปใช้รองถุงวัสดุได้ถึง 664,000 ถุง โดย 1 ถาดหลุมสามารถใช้รองถุงวัสดุ 4 ถุง นับเป็นการช่วยลดการใช้พลาสติกและปริมาณขยะพลาสติกลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญยังเป็นการป้องกันโรคจากน้ำท่วมและเชื้อโรคในดิน เกษตรกรหลายคนได้ทำตามแนวคิดนี้แล้ว พบว่าได้ผลดี นอกจากลดขยะ ช่วยลดต้นทุนการผลิต ยังเพิ่มผลผลิตด้วย เนื่องจากลดความเสี่ยงที่อาจถูกรบกวนจากโรคพืช ทำให้มีรายได้เพิ่ม คุณภาพชีวิตก็ดีขึ้นตามไปด้วย

ทองแดง ทิพมาตย์ เกษตรกรผู้ปลูกเมล็ดพันธุ์พริก อ.พังโคน สกลนคร “ผมให้ความสำคัญกับการทำการเกษตรอย่างยั่งยืน ด้วยการนำระบบ automation ในการให้น้ำและปุ๋ยมาใช้ในแปลง เพื่อควบคุมบริหารจัดการการให้น้ำและปุ๋ยในปริมาณที่เหมาะสม และในช่วงเวลาที่ถูกต้อง ทำให้ลดปัญหาการใช้แรงงาน ควบคุมการใช้ปริมาณปุ๋ยได้อย่างแม่นยำ ทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มมากขึ้น ผมคิดว่า เกษตรกรยุคใหม่ควรให้ความสำคัญในการทำเกษตรแบบยั่งยืน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยี หรือศึกษาหาความรู้ และรับคำแนะนำจากบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับการทำการเกษตรแบบยั่งยืน”

ส่วน สุปราณี วงค์มา เกษตรกรผู้ปลูกเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศ อ.อากาศอำนวย สกลนคร อีกคนหนึ่งที่ใช้ฐานรองที่ดัดแปลงจากถาดหลุมใช้แล้ว เล่าว่า “ตั้งแต่ไบเออร์แนะนำวิธีการปลูกด้วยการรองด้วยถาดหลุมซึ่งได้มาจากแปลงเพาะกล้า และนำกลับมาให้เกษตรกรใช้ ซึ่งสามารถใช้ได้ถึง 2-3 รอบการเก็บเกี่ยว โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อใหม่ ช่วยลดต้นทุนในการผลิต อีกทั้งสามารถป้องกันโรคพืช รวมถึงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย”

อรชร ไชยปัญหา” เกษตรกรแปลงปลูกเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศ อ.พรรณานิคม สกลนคร อีกคนที่เปิดรับแนวคิดใหม่ๆ เสมอ บอกว่า“เกษตรกรยุคใหม่ต้องปรับตัวและเรียนรู้วิธีการใหม่เพื่อให้ได้ผลผลิตตามที่ตั้งเป้าไว้ รวมถึงคุณภาพของผลผลิต วิธีการต่างๆ ที่ไบเออร์ได้คิดค้นและร่วมมือกับเกษตรกรไม่ว่าจะเป็นการหาวัสดุอุปกรณ์ มาใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายทำให้การดูแลง่ายขึ้น ลดต้นทุนแรงงานรวมถึงการป้องกันโรคพืชต่างๆ ทำให้มีรายได้สำหรับครอบครัว ไม่ต้องย้ายถิ่นฐานและการปลูกเมล็ดพันธุ์สร้างรายได้มากกว่าการปลูกข้าว”

อีกแนวทางในการทำเกษตรที่ยั่งยืนที่ไบเออร์ส่งเสริมเกษตรกร เรียกว่า “High Land” ซึ่งเป็นการออกแบบพื้นที่ปลูกพืชในที่สูง ที่มีการจัดการความลาดเอียง และการระบายน้ำที่เหมาะสม ซึ่งมาช่วยรองรับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ทางหนึ่ง โดยเฉพาะการเกิดน้ำท่วมที่มีความรุนแรงและบ่อยครั้งขึ้น ซึ่งเกษตรกรที่ผลิตเมล็ดพันธุ์เป็นอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่ผ่านๆ มา สร้างความเสียหายไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงการผสมเกสรและการเก็บเกี่ยวที่เป็นช่วงสำคัญของผลผลิต หากเกิดฝนตกหนักหรือน้ำท่วมในช่วงนี้ จะส่งผลกระทบต่อผลผลิตโดยตรง จึงต้องหาทางรับมือโดยบริหารจัดการพื้นที่การเกษตรอย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นการระบายน้ำออกจากแปลงหรือการเก็บเกี่ยวพืชที่เสียหาย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจากเชื้อโรคในดิน การขาดแคลนสารอาหารในดิน และการระบาดของโรคที่อาจเกิดจากน้ำท่วม

“High Land” เป็นอีกแนวทางที่มาช่วยได้ โดยในปี 2566 ทีมงานจากจังหวัดสกลนครของ ไบเออร์ ได้ร่วมมือกับเกษตรกร เพื่อนำแนวคิด “High Land” มาใช้อย่างจริงจัง ในแปลงเกษตรในกลุ่มที่อำเภออากาศอำนวย พังโคน และวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร 18 ราย พบว่าเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการสามารถลดความเสี่ยงจากน้ำท่วมได้อย่างมีนัยสำคัญ ผลผลิตเพิ่มขึ้น และลดความกังวลของเกษตรกรที่มีเกี่ยวกับความเสี่ยงจากฝนหรือมรสุมที่จะมาถึง นอกจากใช้งานในการปลูกพืชตระกูลพริกและมะเขือเทศในเขตพื้นที่เดิม ยังขยายไปยัง อำเภอพรรณานิคมต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการมากขึ้นรวมแล้ว 34 ราย

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ที่พบว่าแปลงปลูกนำแนวคิด “High Land” ไปใช้ไม่มีความเสียหายจากน้ำท่วมแม้แต่ครั้งเดียว หรือลดลงถึง 11% เมื่อเทียบกับพื้นที่เพาะปลูกในแปลงนาข้าวที่ได้รับผลกระทบจากมรสุมและฝน ทำให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการแปลงปลูกได้ง่ายขึ้นโดยเฉพาะในช่วงการย้ายกล้าพืช สามารถบรรลุเป้าหมายการผลิตที่ตั้งไว้ แนวทาง High Land ถูกขยายไปในวงกว้าง เพราะมาช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของเกษตรกร ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้เครื่องจักร เพิ่มผลผลิต และทำให้ภาคเกษตรมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างชัดเจน ทำให้ดินมีความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนดีขึ้นจากการที่ถูกรบกวนจากการไถพรวนน้อยลง รักษาสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

เช่นเดียวกับ สมัย ไฮดำ เกษตรกรวัย 57 ปี อ.บ้านฝาง ขอนแก่น ซึ่งมีประสบการณ์เพาะปลูกเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศมากกว่า 20 ปี เป็นคนหนึ่งที่เผชิญปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่เพาะปลูกและเข้าร่วมโครงการ ปลูกพืชบนพื้นที่สูงบอกว่า

“ผมเป็นเกษตรกรผู้ปลูกเมล็ดพันธุ์มามากกว่า 20 ปี ประสบปัญหาต่างๆ เช่น น้ำท่วม โรคพืช แมลงต่างๆ ซึ่งคิดว่าการทำการเกษตรแบบที่เคยทำมาอาจจะต้องมีการพัฒนา เพื่อการทำเกษตรอย่างยั่งยืน จึงจัดพื้นที่เพาะปลูกในพื้นที่สูง ขณะเดียวกันก็ใช้ถาดหลุมพลาสติกเพาะกล้าที่นำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อลดขยะพลาสติกที่เกิดจากการใช้ครั้งเดียวและทิ้ง ทำให้ลดต้นทุนในการผลิต ลดความเสี่ยงการเกิดโรคพืช ทำให้รายได้เพิ่มมากขึ้นจากเดิม”

เกษตรกรต้นแบบที่ปรับตนเองอย่างยืดหยุ่น สุเทพ อุ่นแก้ว กับประสบการณ์ 30 ปีในการปลูกเมล็ดพันธุ์แตงโม ที่เชียงยืน มหาสารคาม ซึ่งได้แบ่งพื้นที่เป็นแปลงปลูกเมล็ดพันธุ์ 6 ไร่ เล่าอย่างภาคภูมิใจว่า “ทุกวันนี้มีรายได้จากการปลูกเมล็ดพันธุ์ ซึ่งเป็นรายได้หลักของครอบครัว ซึ่งมีภรรยาและลูก 3 คน ปัจจุบันลูกเริ่มเข้ามาช่วยทำเกษตร ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นเกษตรกรต้นแบบของไบเออร์ ผมเป็นคนเปิดรับ และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ เพื่อการทำการเกษตรที่ดีขึ้น และยั่งยืน พร้อมทั้งมีโอกาสได้ให้คำแนะนำกับเพื่อนเกษตรกรในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงพื้นที่ ให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น รวมถึงเทคนิคและวิธีการในการป้องกันและกำจัดศัตรูพืชอย่างถูกวิธี ผมมีความสุขกับชีวิตเกษตรกรที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการปลูกเมล็ดพันธุ์เพื่อการส่งออก นำรายได้เข้าประเทศ”

ไม่แตกต่างจาก บรรเจิด ต่อกำไร เกษตรกรผู้ปลูกเมล็ดพันธุ์ข้าวโพด เมล่อน และมะระ เขตคอนสาร ชัยภูมิ บนพื้นที่กว่า 15 ไร่ บอกว่า “ผมได้รับการแต่งตั้งเป็นเกษตรกรต้นแบบของไบเออร์ ด้วยประสบการณ์มากกว่า 5 ปีในการปลูกเมล็ดพันธุ์เพื่อการส่งออกภายใต้คำแนะนำกำกับดูแลการปลูกอย่างใกล้ชิดจากไบเออร์ที่นำวิธีการดูแล ช่วยแก้ปัญหาระหว่างการปลูกด้วยการเข้าเยี่ยมแปลงอย่างสม่ำเสมอ มีการอบรมให้ความรู้ในเรื่องของการจัดการดิน การผสมเกสรและในทุกขั้นตอนเพื่อให้ได้มาตรฐานการส่งออก การเป็นเกษตรกรต้นแบบ ทำให้ผมมีความมุ่งมั่นมากขึ้นในการดูแลใส่ใจในทุกขั้นตอนการปลูก เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีและเพิ่มขึ้นทุกปี”

เกษตรกรเหล่านี้ที่ยึดอาชีพปลูกเมล็ดพันธุ์หาเลี้ยงครอบครัว ยังคงเดินหน้าทำอาชีพนี้ต่อไปภายใต้การส่งเสริมสนับสนุนจากไบเออร์ที่นำแนวทางการปลูกพืชด้วยวิธีใหม่ๆ มาถ่ายทอดสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพสำหรับทั่วโลก พร้อมๆ กับการรักษาสิ่งแวดล้อม และพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกรภายใต้ความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และภัยพิบัติรุนแรง และนี่คือตัวอย่างของเกษตรกรที่ปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อรับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ไม่เพียงทำให้เขาอยู่รอดได้เท่านั้น แต่ยังเพิ่มคุณภาพชีวิตด้วย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการส่งออกเมล็ดพันธุ์มูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาทต่อปีตามเป้าหมายของรัฐ

More From Author

ไอคอนสยาม ตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวจากไทย และหนึ่งในสองจากเอเชีย เข้าชิงรางวัลสุดยอดโครงการค้าปลีกของโลกในรอบ 30 ปี “Most Influential Retail Property Project of the Past 30 Years” บนเวที MAPIC Awards 2025 ชวนคนไทยร่วมสร้างประวัติศาสตร์ โหวตคว้าชัย สร้างชื่อไทยให้ดังก้องโลก

“สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ” ฉลองครบรอบ 5 ปี สุดยิ่งใหญ่ ตอกย้ำความสำเร็จ ด้วยกลยุทธ์การตลาดครบทุกมิติ เดินหน้าเพิ่มแม็กเน็ต เปิดตัว “แบรนด์ลักชัวรี” ระดับโลกต่อเนื่อง

ไอคอนสยามจัดโปรใหญ่กลางปีกระตุ้นกำลังซื้อสมาชิก ‘BIG BANG SALE 2025’ ทุ่มรางวัลรวมกว่า 12 ล้านบาท! 8 พฤษภาคม – 9 มิถุนายนนี้ 

GIT เปิดเวทีประกวดออกแบบเครื่องประดับระดับโลกครั้งที่ 19 ชูแนวคิด ‘Future Elegance’ ปลุกพลังนักสร้างสรรค์ทั่วโลกสู่ความงามแห่งอนาคต

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *