18 ตุลาคม 2568 — โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ เวทีสัมมนา Dongtan Engineer Forum 5 “AI SOCIETY: สังคมล้มลุก” จัดโดย สมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากผู้เข้าร่วมกว่า 400 คน ทั้งจากภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเวทีที่รวมพลังของ “วิศวกร–นักคิด–นักสร้างสรรค์” เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและจุดประกายแนวทางใหม่ต่ออนาคตของสังคมไทยในยุค AI

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ นายกสมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประธานกรรมการจัดงานกล่าวถึงความสำเร็จของงานว่า “ปีนี้ถือเป็นอีกครั้งที่ Dongtan Forum ครั้งที่ 5 เติบโตเกินความคาดหมาย ทั้งในแง่จำนวนผู้เข้าร่วมงานและจำนวนบูทนิทรรศการ ที่มากที่สุดตั้งแต่เคยจัดมา เรารู้สึกภูมิใจที่ได้เห็นพลังของวิศวกรรุ่นพี่รุ่นน้องจากหลากหลายสาขา มาร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิด สร้างแรงบันดาลใจ และถ่ายทอดนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจริง จากห้องเรียนประสบการณ์ให้กับประเทศชาติและสังคมโลก” บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคัก เต็มไปด้วยความรู้ แรงบันดาลใจ และการตั้งคำถามต่ออนาคตของเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนโลก “AI SOCIETY: สังคมล้มลุก” ไม่ได้เป็นเพียงเวทีวิชาการ แต่เป็นเวที “เปิดใจ–เปิดความคิด–เปิดคำถาม” ให้สังคมไทยได้ร่วมกันหาคำตอบว่า “สังคมจะล้มลงเพราะ AI หรือจะลุกขึ้นใหม่ด้วยพลังของมัน?” “จากเวทีแห่งวิศวกร สู่พลังของสังคมที่ไม่หยุดเรียนรู้ จากความรู้ สู่การลงมือเปลี่ยนโลกจริง” “สังคมล้มลุก” จึงไม่ใช่แค่ภาพของการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี แต่คือ กระจกสะท้อน สภาพจิตของมนุษย์ยุคใหม่ ที่ต้องเรียนรู้จะล้มอย่างมีสติ และลุกขึ้นด้วยปัญญา

นายปรีชา บริณายกานนท์ ประธานดำเนินการจัดงาน Dongtan Forum ครั้งที่ 5 กล่าวขอบพระคุณผู้ให้การสนับสนุนทุกหน่วยงานซึ่งเห็นความสำคัญของการจัดงาน รวมทั้งวิทยากรคนรุ่นใหม่ที่เป็นส่วนสำคัญของงานนี้ พร้อมกันนี้ ได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศ (สอป.) และ ศ.ดร.วันชัย ยอดสุดใจ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่ให้เกียรติมาเป็นองค์ปาฐก ทั้งสองท่านเป็นแบบอย่างการสร้างคุณูปการอย่างยิ่งต่อประเทศ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ทุกคน” อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานคือบูทแสดงผลงานนิทรรศการ KU EngiNOVATION เพื่อสังคมจากคณาจารย์ นักวิจัย และนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อนนวัตกรรมด้วยวิศวกรรม” ซึ่งได้รับความสนใจอย่างคับคั่งจากผู้เข้าชมตลอดทั้งวัน ผลงานเด่นในปีนี้ อาทิ
• เครื่องจำลองการผ่าตัดทารกในครรภ์ (Fetal Surgery Simulator)
• AI-Based Thermal Imaging สำหรับตรวจระบบท่ออุตสาหกรรม
• AI-Vision ระบบวิเคราะห์ภาพอัจฉริยะเพื่อ Smart City
• แว่นตา AI ช่วยผู้พิการทางสายตา
• ตู้เพาะเห็ดมูลค่าสูงแบบ Modular Farm
• AI ตรวจจับโรคพืชแบบ Explainable AI
• AXIS Solution – AI Marketing ServiceTech สำหรับธุรกิจ SME
• Mobility Healthcare Robot หุ่นยนต์บริการทางการแพทย์
อย่างไรก็ตาม งาน “AI Society สังคมล้มลุก”

วันนี้ไม่ได้เป็นเพียงแต่เวทีแสดงเทคโนโลยี แต่คือจุดเริ่มต้นของการรวมพลังระหว่างมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์ เพื่อสร้างสังคมที่ ก้าวหน้าอย่างมีคุณค่าและมีหัวใจ เราเชื่อว่า AI ไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ หากแต่มาเป็นเครื่องมือที่ช่วยเปิดประตูแห่งโอกาสใหม่ๆ ให้กับทุกสาขา ทั้งในด้านการศึกษา ศิลปะ ธุรกิจ และชีวิตประจำวัน ในยุคที่เทคโนโลยีเติบโตอย่างรวดเร็ว สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่แค่ ‘ความล้ำหน้า’ ของเครื่องจักร แต่คือ ‘วิธีที่เรานำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาความเป็นมนุษย์’ งานนี้จึงมุ่งสร้างเวทีแห่งการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และจุดประกายแนวคิดใหม่ เพื่อให้สังคมไทยพร้อมก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน”

นายฐนพล กิตติดุลยการ ผู้ดำเนินรายการ-กรรมการการจัดงาน วันนี้ AI ไม่ได้อยู่ในอนาคตอีกต่อไป แต่มันอยู่ในทุกการกระทำของเรา ทุกการคลิก ทุกการจ่ายเงิน ทุกการสื่อสาร มันกำลังเรียนรู้เรา และเปลี่ยนวิธีที่เรามองโลก แต่คำถามสำคัญไม่ใช่ว่า AI จะทำอะไรได้อีก แต่คือ เราจะอยู่ร่วมกับมันอย่างมีสติ และยังคงเป็นมนุษย์ในแบบของเราได้อย่างไร Dongtan Forum ครั้งที่ 5 “สังคม ล้ม-ลุก” นี้ไม่เพียงช่วยให้ผู้คนเข้าใจ AI อย่างลึกซึ้งขึ้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจ และความหวังให้เห็นว่า “มนุษย์และเทคโนโลยี” สามารถเติบโตไปด้วยกันได้ เพราะ AI จะไม่ Take Control โลกของเรา หากเรามีสติปัญญาและหัวใจที่จะใช้มันสร้างอนาคตที่ดีกว่าเดิม บนเวทีนี้มีการแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างผู้นำเทคโนโลยี ธุรกิจ การศึกษา และภาคสังคม เพื่อชวนทุกคนตั้งคำถามใหม่ต่อโลกยุค AI ว่า “เราจะอยู่ร่วมกับเทคโนโลยีอย่างมีสติ และยังคงเป็นมนุษย์ในแบบของเราได้อย่างไร” ทั้งหมดจึงนำมาสู่ “สังคม ล้ม-ลุก”


ในวันนี้ ซึ่งได้รับเกียรติจากผู้นำความคิดคนรุ่นใหม่ที่ล้วนเป็นนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งโดดเด่น ทันสมัย และเป็นกำลังสำคัญต่อการขับเคลื่อนนวัตกรรมของประเทศไทย อาทิ
1. ศ.ดร.วันชัย ยอดสุดใจ (E49) คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
2. ดร. ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ (E53) ประธานคณะผู้บริหาร ด้านความยั่งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์
3. ดร.ปิยะวัฒน์ จริยเศรษฐพงศ์ (E44) หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการพาณิชย์ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน)
4. คุณจรุง เกียรติสุภาพงศ์ (E48) Vice Chairman, CIO, KASIKORN Business-Technology Group [KBTG]
5. คุณปกรณ์ เจียมสกุลทิพย์ (E60) ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CTO บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
6. ผศ.ดร. หัชทัย ชาญเลขา (E53) ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายเทคโนโลยีดิจิทัล, ประธานดำเนินงานโครงการบัณฑิตศึกษา
7. รศ.ดร. ศรีจิตรา เจริญลาภนพรัตน์ (E44) ผู้ช่วยอธิการบดี มก. ฝ่ายวิชาการและการเรียนรู้ตลอดชีวิต
8. คุณนิติ เมฆหมอก( E45) ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัท ซีนเนอร์ยี เทคโนโลยี จำกัด (SYNERGY GROUP)
9. คุณอัญญารัตน์ เกื้อสมบัติ( E59) Country Business and Technology Strategic Lead,Hewlett Packard Enterprise
10. ศ.ดร.ศุภกิจ นนทนานันท์( E37) ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
11. ดร.กาจวิศว์ กล้าหาญ (E46) กรรมการผู้จัดการ บริษัท H20 Consult Co., Ltd.
12. คุณฐนพล กิตติดุลยการ (E67) Senior Manager, Visionary and Corporate Strategy, Kasikorn Bank
ซึ่งท่านที่พลาดการมารับชมรับฟังสามารถรับชมรับฟังได้ตามสื่อ online ได้ทุกช่องทาง

นายประสิทธิ์ กิจวิวัฒนการ ประธานที่ปรึกษาโครงการ DONGTAN FORUM สมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัด Dongtan Forum ครั้งที่ 5 อย่างต่อเนื่อง จากความสำเร็จในทุกครั้งที่ผ่านมา เวทีที่สะท้อนบทบาทของ “วิศวกรผู้มองไกล” ต่อสังคมไทยยุคเปลี่ยนผ่าน ทุกครั้งที่จัดงาน สมาคมฯ มุ่งเน้นหัวข้อที่ “สังคมต้องฟัง” และ “ผู้นำต้องคิด” ตั้งแต่เรื่อง Climate Change, Covid-19, Technology Disruption, ไปจนถึง วิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ซึ่งหลายแนวคิดจากเวทีนี้ ถูกนำไปต่อยอดเป็น นโยบายภาครัฐและเอกชน เพื่อขับเคลื่อนการแก้ปัญหาที่แท้จริงของประเทศ จุดเด่นของ Dongtan Forum คือการสื่อสารที่เข้าถึงได้ทุกชนชั้น ไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไป นักศึกษา ผู้บริหาร หรือภาคอุตสาหกรรม ทุกคนสามารถเข้าใจ และร่วมตั้งคำถามต่ออนาคตของสังคมได้อย่างเท่าเทียม


วิทยากรแต่ละท่านล้วนหลากหลายและทรงพลัง จากทั้งวงการสังคม วิศวกรรม และนวัตกรรม มาร่วมกันถอดรหัสปัญหา และหาทางออกอย่างสร้างสรรค์จนทำให้เวทีนี้ ไม่ใช่แค่การบรรยาย แต่คือการ “จุดประกายให้สังคมคิด” ส่วนแนวคิดเบื้องหลังชื่อ “สังคมล้มลุก (AI Society)” เริ่มต้นจาก ความรู้สึกสองขั้วในใจมนุษย์ — ความมหัศจรรย์ และความหวาดกลัว เราตื่นตะลึงกับพลังของเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด

แต่ขณะเดียวกันก็เริ่มตระหนักถึงเงาของมันที่ทอดยาวเข้ามาในชีวิตเรา AI ไม่ได้ล้มลุก… มนุษย์ต่างหากที่เริ่มล้มในจิต เพราะเราหลงใหลในความรอบรู้ของสิ่งที่เราเองสร้างขึ้น จนเผลอวางหัวใจไว้ในมือของเครื่องจักรในเชิงลึก ผมว่ามนุษย์อาจ “ล้มในจิต” ก่อน เพราะ AI ไม่มีจิต มันไม่หลง ไม่กลัว ไม่โกรธ แต่มนุษย์ต่างหากที่ “ให้ค่า” กับสิ่งที่มันผลิต ดังนั้นเมื่อมนุษย์ยึดถือผลผลิตของ AI มากกว่าคุณค่าของใจมนุษย์จะค่อย ๆ เสียความเป็น “ผู้ตื่นรู้” ไปโดยไม่รู้ตัว แต่ถ้ามนุษย์ใช้ AI ด้วย “โยนิโสมนสิการ” พิจารณาโดยแยบคาย AI จะกลายเป็นเครื่องขยายศีล สมาธิ ปัญญา ได้อย่างน่าทึ่ง จริงๆ เราไม่ต้องกลัว AI หรอกครับ

แต่ “ตระหนักถึงมัน” และนั่นคือจุดต่างระหว่างคนทั่วไปกับผู้มีปัญญา เพราะผู้ที่รู้ว่าควรกลัวอะไร ละอะไร คือคนที่เริ่มตื่นแล้วสำหรับความเป็นมนุษย์ ผมมอง AI ในมุมของวิศวกรที่อยากเป็นคนตื่นรู้ ให้ความรู้สึกต่อ AI ในสังคมล้มลุกอย่าง “ระแวง ระวัง ละวาง” ก็เท่านั้นครับ

