ค.ร.อ.ท. ออกโรงเตือนแก้ปัญหาทุจริตอาชีวะ อย่าลูบหน้าปะจมูก”

นายเศรษฐศิษฏ์ ณุวงค์ศรี ประธานเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย(ค.ร.อ.ท.)ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่มีสื่อต่างๆได้เผยแพร่ข่าวกรณีมีผู้กล่าวหาได้นำผู้สื่อข่าวและสื่อมวลชนมาร้องขอความเป็นธรรมและติดตามคดีที่ได้ร้องเรียนและนำเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ปปท พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าจับกลุ่มผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่งฐานเรียกรับสินบนเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 และได้มาติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าวที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ด้วยตนเอง เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมานั้น ซึ่งเรื่องนี้ทางเครือข่ายคนรักษ์อาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย(ค.ร.อ.ท.) ในนามภาคประชาชนได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นจึงได้ติดตามความคืบหน้าถึงเรื่องดังกล่าวเพื่อที่จะให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาได้ทำเรื่องนี้ให้โปร่งใสชัดเจนมีความเป็นธรรมทุกฝ่าย ทั้งนี้ตนมองว่าคดีนี้แปลกๆตั้งแต่ต้น เริ่มจากเลขาธิการอาชีวะคนก่อน แต่งตั้งคณะการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง แต่ไม่ได้ยึดกฎ กคศ.ว่าด้วยการสอบสวนฯ เคร่งครัดทั้งๆเป็นคดีใหญ่ ไม่มีบุคคลที่เป็นนิติกรหรือผู้ที่มีจบมีความรู้ด้านกฎหมายมาร่วมเป็นกรรมการแม้แต่คนเดียว กลับแต่งตั้งคนที่สนิทสนมใกล้ชิดกับผู้ถูกกล่าวหามาเป็นคณะกรรมการสวบสวนฯ ซึ่งอาจขาดความเป็นกลาง ต่อมาเมื่อเลขาธิการอาชีวะคนใหม่ย้ายมาเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทราบว่าการดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวนฯเสร็จได้สรุปเรื่องถึงสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา โดยได้ข้อสรุปว่าผู้ที่ถูกร้องให้ดำเนินคดีนั้นขาวสะอาดไม่มีความผิดใดๆเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งๆที่คดีนี้ผู้ที่จับกุมเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ปราบปรามการทุจริตโดยตรง คือ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ภาค 1 (ปปท.ภาค 1) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี และมีสื่อมวลชนออกข่าวไปทั่วทั้งประเทศ แต่ผลการสอบสวนของกรรมการสรุปออกมาไม่มีความผิดเลย เห็นควรให้กลับเข้ารับราชการตามเดิม และต่อมา สอศ.ได้นำเสนอ อกคศ.สอศ. เพื่อให้ได้พิจารณาและมีมติที่ประชุมว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใดจึงเห็นควรให้กลับเข้ารับราชการในตำแหน่งเดิม และสอศ.ได้สั่งให้ข้าราชการรายดังได้กลับเข้ารับราชการตามเดิม จนเกิดข้อสงสัยสร้างความไม่พอใจให้กับผู้กล่าวหาดังกล่าวจึงได้มาร้องมาขอความเป็นธรรม ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ร้องได้มาร้องขอความเป็นธรรม ที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาแล้วว่ากรรมการสอบสวนฯ ไม่รับฟังพยานหลักฐานสำคัญจากผู้ที่จับกุมทั้ง ปปท.ภาค 1 และตำรวจที่เข้าจับกุม กรรมการรับฟังแต่พยานบางส่วน แต่ก็ไม่ได้รับการพิจารณาจากกรรมการสอบสวนที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาแต่งตั้งเลย ซึ่งผลก็ออกมาเป็นแบบนี้ ผู้ร้องจะดำเนินการร้องเรียนต่อผู้รับผิดชอบระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชน หรือศาลปกครอง ศาลยุติธรรมตรวจสอบต่อไป

ในกรณีนี้ประธานเครือข่ายฯ ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ถึงกรณีไม่ว่าจะเป็นผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องจะต้องได้รับความเป็นธรรม ดังนั้นจึงขอให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้พิจารณาถึงกรณีดังกล่าวเพื่อที่จะให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาที่ได้ประกาศเจตนารมณ์ในการที่จะปกป้องสร้างความถูกต้องความโปร่งใสและความมีหลักธรรมาภิบาลขององค์กรเพื่อที่จะให้สาธารณชนยอมรับในองค์กรที่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม โปร่งใส ไม่ตกเป็นแดนสนธยา

ประธานเครือข่ายฯ ค.ร.อ.ท.ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่าตนในฐานะตัวแทนภาคประชาชนที่ต้องการให้ผู้บริหารระดับสูงของอาชีวศึกษาได้ดำเนินการในประเด็นนี้ให้บริสุทธิ์ยุติธรรมมีความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเป็นที่ยอมรับของสังคม อย่าให้สังคมได้เคลือบแคลงใจว่ามีการช่วยเหลือคนกระทำผิดให้เป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งที่สังคมยังเคลือบแคลงแต่ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาไม่ได้กระทำผิดตามที่มีการกล่าวหาแต่อย่างใด และหากมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีกทาง ค.ร.อ.ท. และภาคประชาชนจะมีการตรวจสอบให้ถึงที่สุดทุกคดีต่อไป


By admin

สนใจโฆษณาติดต่อ คุณจันทร์แรม โทร 0917233792

ข่าวเด่น