เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรค ชทพ. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ชทพ. โดยนายปรเมศวร์ กุมารบุญ โฆษกพรรค ชทพ. แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานคณะกรรมการดำเนินงานตามข้อบังคับพรรค ชทพ. 6 คณะ ดังนี้ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา เป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการ นายนิกร จำนง เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ นายอนุรักษ์ จุรีมาศ เป็นประธานคณะกรรมการกฎหมายและการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร นายธีระ วงศ์สมุทร เป็นประธานคณะกรรมการดำเนินกิจกรรมของพรรค สาขาพรรค และตัวแทนประจำจังหวัด นายเสมอกัน เที่ยงธรรม เป็นประธานคณะกรรมการประชาสัมพันธ์และเทคโนโลยีสารสนเทศ นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ เป็นประธานคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม
นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และผู้อำนวยการพรรค ชทพ. ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ กล่าวว่า ตนจะไปรวบรวมบุคคลต่างๆ มาเป็นคณะกรรมการนโยบายฯ เพราะสิ่งสำคัญของพรรคการเมืองคือ นโยบายพรรค ซึ่งในการเลือกตั้งแต่ละครั้งจะมีสโลแกน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์แต่ละครั้ง ครั้งนี้คุยกันเบื้องต้นจะค้นหาปัญหาของประชาชนที่จำเป็นเร่งด่วน 10 เรื่อง หรือ ท็อปเทน เพราะหัวหน้าพรรคชื่อเล่นว่า ท็อป เราจะเสนอให้ประชาชนได้เลือกนโยบาย ไม่ใช่ตัวบุคคล เราจะเร่งรัดทำเรื่องนี้เพื่อกำหนดเป็นนโยบาย ถือเป็นเรื่องด่วน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายวราวุธประกาศทวงคืนพื้นที่เดิมของพรรคชาติไทย จะมีการคุยกับนักการเมือง และอดีต ส.ส.ของพรรคให้มาร่วมงานหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า หากใครจะมาก็ยินดีทำงานร่วมกัน ในอดีตเรามี ส.ส.คลุมหลายพื้นที่ มีนายกรัฐมนตรีของพรรคถึงสองคน พื้นที่เหล่านี้ถือเป็นพื้นที่ที่เราชำนาญพอสมควร ประชาชนคุ้ยเคยกับเรา แต่ขณะนี้เรามีการเปลี่ยนโลโก้พรรค จึงต้องเร่งประชาสัมพันธ์เพราะเกรงว่าประชาชนจะจำไม่ได้
นายนิกร กล่าวว่า สำหรับเป้าหมาย ส.ส.ของพรรคไม่ต่ำกว่า 25 ที่นั่งนั้น เป็นเป้าหมายเพื่อก้าวข้ามไปอีกมิติของพรรค จำนวน ส.ส. 25 คนจะสามารถทำให้เราเสนอชื่อหัวหน้าพรรคตัวเองเป็นนายกฯได้ ถ้าถึงจำนวนดังกล่าว ตนในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายฯจะเสนอชื่อนายวราวุธ อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้หวังแย่งนายกฯกับคนอื่น แต่เป็นการแข่งกับตัวเองของพรรค อยู่ที่ประชาชนเป็นผู้เลือก อยู่ที่นโยบายเป็นอย่างไร และขึ้นอยู่กับสถานการณ์นั้นๆ อาจต้องพูดเรื่องท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อมมากขึ้นตามบุคลิกหัวหน้าพรรค
เมื่อถามว่า หากอดีตสมาชิกพรรคไม่มีใครกลับมา ทางพรรคจะส่งผู้สมัคร ส.ส.ลงพื้นที่ จ.อ่างทอง และ จ.ศรีสะเกษหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า ไม่ใช่ประเด็น เรื่องบุคคลมีนัยยะสำคัญน้อยกว่านโยบาย ถ้านโยบายไม่ตรงความต้องการประชาชนตัวบุคคลก็เปล่าประโยชน์ สาระสำคัญคือนโยบาย
เมื่อถามว่า การต่อสู้ในการเลือกตั้งครั้งนี้จะรุนแรงหรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า เราไม่อยู่ในภาวะสงครามอย่างนั้น เราจะต้องทำให้ได้ถึง 25 ที่นั่ง เพื่อให้สามารถเสนอชื่อหัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดตนายกฯได้ ต้องก้าวบันได 25 ที่นั่งให้พ้นก่อน ถ้าก้าวไม่พ้นก็เปล่าประโยชน์ เรารู้สถานะของเรา มันเป็นสงครามที่ต้องแข่งกับตัวเอง ในส่วนโพลของพรรคนั้น เราต้องเริ่มทำกันใหม่ เพราะสถานการณ์แตกต่างไปจากในอดีต